วิเคราะห์ผลการประเมิน ACGS 2024: 18 หลักเกณฑ์ใหม่กับความพร้อมของบริษัทไทย

โครงการ ASEAN Corporate Governance Scorecard (ACGS) 2024 ได้ดำเนินการสำรวจเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมจัดงานประกาศผลซึ่งจะจัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซียในฐานะเจ้าภาพหลัก ในโอกาสนี้ Thai IOD ขอนำเสนอผลการประเมินที่น่าสนใจของบริษัทจดทะเบียนไทย 100 บริษัท ที่มีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุด ณ วันที่ 31 พฤษภาคมของปี 2567 ภายใต้เกณฑ์ใหม่ 18 ข้อ ซึ่งอ้างอิงจากหลักการ G20/OECD Principles of Corporate Governance โดยเน้นเรื่อง ESG และความยั่งยืน เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเตรียมความพร้อมของบริษัทจดทะเบียนไทยก่อนการประเมิน ACGS ครั้งถัดไปในปี 2569 ดังนี้
1. การรายงานประเด็น ESG ที่มีนัยสำคัญต่อกลยุทธ์ขององค์กร
(Does the company identify/report ESG topics that are material to the organization’s strategy?)
บริษัทไทยสามารถทำคะแนนในข้อนี้ได้ครบ 100% เนื่องจากเป็นหัวข้อสำคัญที่ปรากฏอยู่ในรายงาน 56-1 One Report ภายใต้ส่วนการขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ได้ส่งเสริมให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเพื่อเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน
2. การระบุว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นประเด็นสำคัญของการดำเนินธุรกิจ
(Does the company identify climate change as an issue?)
99% ของบริษัทไทยสามารถทำคะแนนข้อนี้ได้ โดยมีเพียง 1 บริษัทที่ยังไม่ได้อธิบายผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อองค์กร หรือผลกระทบจากการดำเนินงานที่มีต่อสิ่งแวดล้อมหรือสภาพภูมิอากาศ
3. การใช้กรอบการรายงานความยั่งยืนตามมาตรฐานสากล
(Does the company adopt an internationally recognized reporting framework or standard for sustainability (i.e. GRI, Integrated Reporting, SASB, IFRS Sustainability Disclosure Standards)?)
86% ของบริษัทไทยนำกรอบการรายงานระดับสากลมาใช้ โดย GRI Standard เป็นมาตรฐานที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และมีการจัดทำตาราง GRI Content Index อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม บริษัทที่มีมูลค่าตลาดระหว่าง 10,000–59,999 ล้านบาท ยังมีความพร้อมจำกัดในการเปิดเผยข้อมูลตามกรอบดังกล่าว
4-5. การเปิดเผยเป้าหมายเชิงปริมาณด้านความยั่งยืน และการรายงานความก้าวหน้าของผลการดำเนินงาน
(Does the company disclose quantitative sustainability target? และ Does the company disclose sustainability-related performance progress in relation to its previously set targets?)
97% ของบริษัทไทยมีการเปิดเผยเป้าหมายด้านความยั่งยืน พร้อมรายงานความคืบหน้าตามเป้าหมายอย่างชัดเจน โดยตามเกณฑ์ ACGS จำเป็นต้องเปิดเผยเป้าหมายในรูปแบบเชิงปริมาณอย่างน้อย 1 เรื่องที่สามารถวัดผลได้
6. การทบทวนและอนุมัติรายงานความยั่งยืนโดยคณะกรรมการ
(Does the company confirm that its Sustainability Report / Reporting is reviewed and /or approved by the Board or Board Committee?)
82% ของบริษัทไทยมอบหมายให้คณะกรรมการหรือคณะกรรมการชุดย่อยที่เกี่ยวข้อง ทบทวนและอนุมัติรายงานความยั่งยืนหรือรายงาน ESG ของบริษัท

7-8. การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียภายในและภายนอกในประเด็นด้านความยั่งยืน
(Does the company engage internal stakeholders to exchange views and gather feedback on sustainability matters that are material to the business of the company? และ Does the company engage external stakeholders to exchange views and gather feedback on sustainability matters that are material to the business of the company?)
98% ของบริษัทไทยเปิดเผยแนวปฏิบัติและช่องทางการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียทั้งภายในและภายนอก แสดงถึงการมีส่วนร่วมในการระบุประเด็น ESG ที่สำคัญ อย่างไรก็ตาม มี 1 บริษัทที่ยังไม่อธิบายข้อมูลในประเด็นนี้ และอีก 1 บริษัทที่เปิดเผยเฉพาะข้อมูลภาษาไทย จึงไม่ได้รับคะแนนในระดับอาเซียน
9. การทบทวนโครงสร้างเงินทุนและหนี้สินโดยคณะกรรมการ
(Does the company disclose that the board reviews on an annual basis that the company's capital and debt structure is compatible with its strategic goals and its associated risk appetite?)
ตามแนวทางของ OECD คณะกรรมการควรประเมินว่าโครงสร้างเงินทุนของบริษัทสอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์และระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เพื่อเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางการเงิน จากผลการประเมิน พบว่า 36% ของบริษัทไทยมีการเปิดเผยว่าคณะกรรมการมีการทบทวนประเด็นดังกล่าวเป็นประจำทุกปี อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ข้อนี้ยังถือเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับหลายประเทศในอาเซียน รวมถึงบริษัทไทยที่ควรพิจารณาปรับปรุงรูปแบบการเปิดเผยให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลมากยิ่งขึ้น
10. การใช้ระบบลงคะแนนเสียงอิเล็กทรอนิกส์แบบเรียลไทม์ สำหรับผู้ถือหุ้นที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นด้วยตนเอง
(Does the company practice real time secure electronic voting in absentia at general meetings of shareholders?)
ตามแนวทางของ OECD บริษัทควรส่งเสริมให้ผู้ถือหุ้นสามารถมีส่วนร่วมในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) ทั้งแบบออนไลน์และแบบพบหน้า โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ บริษัทควรจัดให้มีระบบลงคะแนนเสียงแบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเรียลไทม์ (real-time) จากการประเมิน พบว่า 81% ของบริษัทไทยมีการเปิดเผยไว้ในหนังสือเชิญประชุมหรือรายงานการประชุมผู้ถือหุ้นว่าได้จัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็นเพื่อรองรับการลงคะแนนเสียงแบบอิเล็กทรอนิกส์แบบเรียลไทม์
11. แนวทางการจัดการความเสี่ยงและโอกาสที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
(Does the company disclose how it manages climate-related risks and opportunities?)
ตามเกณฑ์ ACGS บริษัทจะได้รับคะแนนเต็มในข้อโบนัสเมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลครบทั้ง 4 ด้าน ได้แก่ Governance, Strategy, Risk Management และ Metrics and Targets ตามแนวทางของ TCFD (Task Force on Climate-related Financial Disclosures) ซึ่งเป็นกรอบการเปิดเผยข้อมูลทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
จากการประเมินพบว่า 66% ของบริษัทไทยเปิดเผยครบทั้ง 4 ด้าน 17% เปิดเผยเพียงบางส่วน และอีก 17% ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลในเรื่องดังกล่าว
12. รายงานความยั่งยืนของบริษัทควรได้รับการตรวจสอบโดยบุคคลภายนอกที่เป็นอิสระ
(Does the company disclose that its Sustainability Report/ Sustainability Reporting is externally assured?)
ตามแนวทางของ OECD บริษัทควรพิจารณาการกำหนดให้มีการรับรองรายงานความยั่งยืนประจำปี (annual assurance attestations) โดยผู้ให้บริการตรวจสอบภายนอกที่มีความเป็นอิสระ มีคุณสมบัติเหมาะสม และมีความเชี่ยวชาญ
ICGN (International Corporate Governance Network) ยังแนะนำอีกด้วยว่า คณะกรรมการควรจัดทำรายงานด้านความยั่งยืนที่สะท้อนถึงความซับซ้อนของการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน โดยควรผสานการพิจารณาทุนทางการเงิน ทุนมนุษย์ และทุนธรรมชาติ เข้าไว้ด้วยกันภายใต้บริบทของทิศทางเชิงกลยุทธ์ของบริษัทในปัจจุบันและอนาคต โดยรายงานด้านความยั่งยืนควรได้รับการตรวจสอบหรือการให้ความเชื่อมั่นจากบุคคลภายนอก (independent assurance) เป็นประจำทุกปี โดยคำนึงถึงมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลที่ยอมรับในระดับสากล
นอกจากนี้ มาตรฐาน GRI 2-5 ยังเน้นให้บริษัทเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการรับรองความถูกต้องของรายงานความยั่งยืนจากบุคคลภายนอกที่เป็นอิสระ โดยควรระบุให้ชัดเจนว่าข้อมูลส่วนใดได้รับการรับรอง ใช้มาตรฐานใดในการรับรอง และมีข้อจำกัดใดในกระบวนการรับรองบ้าง
จากการประเมิน พบว่า ร้อยละ 48 ของบริษัทที่ทำการประเมิน มีการจัดทำรายงานความยั่งยืน ที่ได้ผ่านการรับรองจากบุคคลภายนอก

13. การเปิดเผยช่องทางการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้เสีย และแนวทางที่บริษัทตอบสนองต่อข้อกังวลด้าน ESG ของผู้มีส่วนได้เสีย
(Does the company disclose the engagement channel with stakeholder groups and how the company responds to stakeholders’ ESG concerns?)
ตามแนวทางการประเมิน ACGS บริษัทจะต้องเปิดเผยด้วยว่าได้ตอบสนองต่อผู้มีส่วนได้เสียในประเด็นด้าน ESG อย่างไร และควรเปิดเผยถึงการดำเนินการหรือแผนการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวที่ชัดเจน โดย 90% ของบริษัทไทยมีการเปิดเผยข้อมูลที่ชัดเจนในเรื่องนี้
14. บริษัทควรมีหน่วยงาน ฝ่ายงาน หรือคณะกรรมการที่รับผิดชอบโดยเฉพาะในการบริหารจัดการด้านความยั่งยืน
(Does the company have a unit / division / committee who is specifically responsible to manage the sustainability matters?)
ภายใต้บริบทปัจจุบันที่แนวคิด ESG ได้รับความสำคัญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บทบาทของคณะกรรมการบริษัทจึงควรขยายจากภารกิจหลักในการทบทวน กำกับดูแล และให้คำแนะนำด้านธรรมาภิบาล การกำหนดกลยุทธ์ การบริหารความเสี่ยง และระบบควบคุมภายใน ไปสู่การพิจารณาประเด็นด้านความยั่งยืนที่มีนัยสำคัญ รวมถึงการกำกับดูแลความเสี่ยงเชิงกายภาพ (physical risk) และความเสี่ยงช่วงเปลี่ยนผ่าน (transition risk) ที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากยิ่งขึ้น
จากการประเมินพบว่า ร้อยละ 74 ของบริษัทไทยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการด้านความยั่งยืน ร้อยละ 20 มอบหมายให้ฝ่ายจัดการเป็นผู้รับผิดชอบ ขณะที่อีกร้อยละ 6 ยังไม่มีการจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะด้านความยั่งยืน
15. บทบาทของคณะกรรมการบริษัท/คณะกรรมการกำกับดูแลในการกำกับดูแลความเสี่ยงและโอกาสด้านความยั่งยืน
(Does the company disclose board of directors' oversight of sustainability-related risks and opportunities?)
บริษัทควรเปิดเผยบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการ ในด้านการกำกับดูแลความเสี่ยงและโอกาสด้านความยั่งยืน ที่ครอบคลุมเรื่องดังต่อไปนี้
- กระบวนการและความถี่ที่คณะกรรมการบริษัทได้รับข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นด้านความยั่งยืน
- การทบทวนและให้คำแนะนำด้านกลยุทธ์ แผนดำเนินงานสำคัญ นโยบายบริหารความเสี่ยง งบประมาณประจำปี และแผนธุรกิจ ตลอดจนการกำหนดเป้าหมายผลการดำเนินงานขององค์กร
- แนวทางที่คณะกรรมการใช้ในการติดตามและกำกับดูแลความก้าวหน้าในการบรรลุเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นด้านความยั่งยืน
จากการประเมินพบว่า 72% ของบริษัทไทยเปิดเผยว่าคณะกรรมการมีหน้าที่กำกับดูแลความเสี่ยงและโอกาสด้านความยั่งยืน โดยครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น
16. ความเชื่อมโยงระหว่างค่าตอบแทนของกรรมการบริหารและผู้บริหารระดับสูงกับผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของปีที่ผ่านมา
(Does the company disclose the linkage between executive directors and senior management remuneration and sustainability performance for the previous year?)
บริษัทควรมีการเชื่อมโยงผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืน (ESG) เข้ากับค่าตอบแทนของผู้บริหาร และควรเปิดเผยหลักเกณฑ์ในการประเมินผลการปฏิบัติงานที่ใช้ในการกำหนดนโยบายค่าตอบแทนผู้บริหาร ว่ามีความเชื่อมโยงกับประเด็นด้าน ESG อย่างไรบ้าง จากการประเมิน พบว่า 11% ของบริษัทไทยมีการเปิดเผยรายละเอียดที่ชัดเจน 33% มีเพียงถ้อยแถลงว่า ค่าตอบแทนผู้บริหารมีความเชื่อมโยงกับผลการดำเนินงานด้าน ESG โดยไม่มีรายละเอียดกำกับ และ 56% ยังไม่มีการกำหนดนโยบายในเรื่องดังกล่าว
17. ระบบการแจ้งเบาะแสและข้อร้องเรียนของบริษัทมีการบริหารจัดการโดยบุคคลหรือหน่วยงานอิสระจากบริษัท
(Is the company’s Whistle Blowing System managed by independent parties / institutions?)
คณะกรรมการบริษัทควรรับรองว่าบริษัทมีการจัดให้มีช่องทางร้องเรียน/ ช่องทางการแจ้งเบาะแส ที่พนักงาน ซัพพลายเออร์ ผู้ถือหุ้น หรือผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง สามารถแจ้งปัญหาหรือข้อกังวลที่สำคัญเกี่ยวกับการละเมิดจรรยาบรรณของบริษัทหรือกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นหรือสงสัยว่าจะเกิดขึ้นได้ โดยช่องทางควรมีความชัดเจน เข้าถึงได้ง่าย และปลอดภัย ทั้งนี้ ช่องทางดังกล่าวควรอยู่ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการตรวจสอบ กรรมการอิสระ หรือผู้ให้บริการภายนอกที่เป็นอิสระอย่างแท้จริง
จากการประเมินพบว่า 33% ของบริษัทไทยมีการจัดช่องทางแจ้งเบาะแสและข้อร้องเรียน ถึงกรรมการอิสระหรือคณะกรรมการตรวจสอบโดยตรง ขณะที่บริษัทส่วนใหญ่ยังคงใช้ช่องทางที่ให้รายงานถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือเลขานุการบริษัท ซึ่งยังไม่ถือเป็นหน่วยงานอิสระตามแนวปฏิบัติที่ดี
18. มีหลักฐานที่เปิดเผยว่าบริษัทมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายการสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อมที่บิดเบือน หรือแสดงออกเกินความเป็นจริง (Greenwashing)
(Is there any evidence that the company is engaging in greenwashing activities?)
คณะกรรมการมีหน้าที่กำกับดูแลให้บริษัทดำเนินกิจกรรมด้านความยั่งยืนและการสื่อสารที่เกี่ยวข้องอย่างโปร่งใส ถูกต้อง และสอดคล้องกับข้อเท็จจริง หลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลที่เป็นการบิดเบือนหรือเกินจริง (Greenwashing) เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือขององค์กร นอกจากนี้ คณะกรรมการควรตรวจสอบนโยบายและกระบวนการภายในที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านชื่อเสียงและการถูกลงโทษทางกฎหมาย รวมถึงส่งเสริมให้มีการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมอย่างครบถ้วนและชัดเจน
กรณี Greenwashing จะได้รับการพิจารณาหักคะแนนเมื่อมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและได้รับการตรวจสอบหรือดำเนินการโดยหน่วยงานกำกับดูแลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งชี้ชัดถึงการละเมิดที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ จากการประเมินตามกรอบ ACGS ในรอบปีที่ผ่านมา ยังไม่พบกรณีที่บริษัทใดถูกลงโทษจากประเด็น Greenwashing

บทสรุป: ข้อมูลข้างต้นสะท้อนผลการวิเคราะห์จากบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทยจำนวน 100 บริษัท ซึ่งอยู่ภายใต้การประเมินตามหลักเกณฑ์ ACGS ฉบับปรับปรุงใหม่ ประจำปี พ.ศ. 2567 ซึ่งนับเป็นปีแรกของการเปลี่ยนแปลงเกณฑ์การประเมิน ทั้งนี้ ผลการวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่ายังมีช่องว่างในการพัฒนา โดยเฉพาะในด้านการกำกับดูแลกิจการ (CG) และการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ด้วยบทบาทของหน่วยงานกำกับดูแลในประเทศไทยที่ให้ความสำคัญและมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานด้าน CG และ ESG อย่างต่อเนื่อง จึงคาดว่าจะเห็นพัฒนาการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่ชัดเจนยิ่งขึ้นในการประเมินรอบถัดไป ทั้งนี้ การขับเคลื่อนนโยบายให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในระดับปฏิบัติจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคณะกรรมการและผู้บริหารระดับสูงให้ความสำคัญและมีบทบาทนำในการส่งเสริมวัฒนธรรมการกำกับดูแลกิจการและการดำเนินงานด้าน ESG อย่างจริงจัง (Tone from the Top)
|