Testimonials FAQ Photo Gallery Contact Us Mail to Friend
Home Director Training Seminars & events News Join IOD IOD Members Projects Publications IOD Shop About IOD
ผลสำรวจค่าสอบบัญชีและการใช้บริการสำนักงานสอบบัญชี ของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567

 

 


จากการสำรวจโครงการ Corporate Governance Report of Thai Listed Companies (CGR)ประจำปี 2567  Thai IOD ได้เก็บข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อสำรวจค่าสอบบัญชีและการใช้บริการสำนักงานสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567 สำหรับให้คณะกรรมการตรวจสอบสามารถนำไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณากำหนดค่าสอบบัญชีได้อย่างเหมาะสม และนำเสนอให้ที่ประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติต่อไป

ซึ่งทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียนไทยรวม 808 บริษัท แบ่งเป็น

-         กลุ่ม SET จำนวน 604 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 75

-         กลุ่ม MAI จำนวน 204 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 25  

สามารถสรุปข้อมูลที่ได้เป็น 2 ส่วน ดังนี้

1.     ค่าสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567

1.1   ภาพรวมของค่าสอบบัญชี

ในการรวบรวมผลสำรวจ ปี 2567 เกี่ยวกับค่าสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนไทย ทั้งใน SET และ MAI มีมูลค่ารวมกันเท่ากับ 2,104,161,282 บาท โดย 

-         สำนักงานสอบบัญชีในกลุ่ม Big four มีสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 73 หรือประมาณ 1,543,796,912 บาท

-         ส่วนสำนักงานสอบบัญชีอื่น มีสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 27 หรือประมาณ 560,364,370 บาท

หากพิจารณาแยกตามกลุ่ม SET และ MAI จะพบว่า

1.     กลุ่ม SET จ่ายค่าสอบบัญชี รวมทั้งสิ้น 1,704,860,810 บาท โดย

-         สำนักงานสอบบัญชีกลุ่ม Big four มีสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 79 คิดเป็นมูลค่า 1,343,427,940 บาท

-         สำนักงานสอบบัญชีอื่น มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 21 คิดเป็นมูลค่า 361,432,870 บาท

2.    กลุ่ม MAI จ่ายค่าสอบบัญชี รวมทั้งสิ้น 399,300,472 บาท โดย

-         สำนักงานสอบบัญชีกลุ่ม Big four มีสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 50 หรือประมาณ 200,368,972บาท

-         สำนักงานสอบบัญชีอื่น มีสัดส่วนรายได้ ร้อยละ 50 หรือประมาณ 198,931,500 บาท

    แผนภาพที่

 

1.2 ค่าสอบบัญชีตามกลุ่มธุรกิจ

จากการสำรวจค่าสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนไทยในทุกกลุ่มธุรกิจ ตามตารางที่ 1 พบว่า  

·      ค่ามัธยฐาน คือ 2,069,000 บาท

·      ค่าเฉลี่ย คือ 2,604,160 บาท

·      บริษัทจดทะเบียนที่จ่ายค่าสอบบัญชีน้อยที่สุดอยู่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง) โดยจ่ายค่าสอบบัญชีเท่ากับ 440,000 บาท

·      บริษัทจดทะเบียนที่จ่ายค่าสอบบัญชีมากที่สุดอยู่ในกลุ่มธุรกิจบริการ (หมวดธุรกิจพาณิชย์) โดยจ่ายค่าสอบบัญชีเท่ากับ 38,650,000 บาท

 
ตารางที่

 

 

 

1.3  ค่าสอบบัญชีตามระดับรายได้และกลุ่มธุรกิจ

หากพิจารณาค่าสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนไทยตามระดับรายได้ในแต่ละกลุ่มธุรกิจ จะพบว่า

·      กลุ่มธุรกิจที่มีความซับซ้อนในการดำเนินธุรกิจและมีปริมาณการทำรายการทางธุรกิจสูง เช่น กลุ่มธุรกิจการเงิน เป็นกลุ่มธุรกิจเดียวที่มีค่าสอบบัญชีโดยเฉลี่ยสูงเกินกว่า 4,000,000 บาท

·      ส่วนกลุ่ม MAI เป็นกลุ่มเดียวที่มีค่าสอบบัญชีโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 2,000,000 บาท

·      ทั้งนี้ ค่าสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนไทยส่วนใหญ่จะเพิ่มขึ้นตามระดับรายได้ของกิจการที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย

 

1.4  ผลการวิเคราะห์หาค่าความสัมพันธ์ (Correlation Coefficient)

จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลบริษัทไทยจดทะเบียนจำนวน 808 บริษัทในปี 2567 (2024) ในตารางที่ 12 ที่นำเสนอค่าสหสัมพันธ์ระหว่างตัวแปร 3 ตัว ได้แก่ ค่าสอบบัญชี (Audit Fee), รายได้รวมของบริษัท (Total Revenue) และกลุ่มอุตสาหกรรม (Industry) โดยใช้การวัดความสัมพันธ์แบบ Pearson correlation coefficient ซึ่งมีค่าอยู่ในช่วงระหว่าง -1 ถึง +1 โดยค่าใกล้ 1 แสดงถึงความสัมพันธ์เชิงบวกที่แข็งแรง ในขณะที่ค่าใกล้ -1 แสดงถึงความสัมพันธ์เชิงลบที่แข็งแรง และค่าใกล้ 0 หมายถึงไม่มีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญระหว่างตัวแปร

 

จากตาราง พบว่า ค่าสหสัมพันธ์ระหว่างค่าสอบบัญชีกับรายได้รวมเท่ากับ 0.23 ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์เชิงบวกในระดับต่ำ หมายความว่า โดยทั่วไปแล้วบริษัทที่มีรายได้สูงขึ้นมักมีแนวโน้มที่จะมีค่าสอบบัญชีสูงขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์นี้ยังไม่ถือว่าแข็งแรงหรือชัดเจนมากนัก ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างค่าสอบบัญชีกับกลุ่มอุตสาหกรรม (Industry) มีค่าเพียง -0.02 ซึ่งอยู่ใกล้ศูนย์มาก แสดงให้เห็นว่าแทบไม่มีความสัมพันธ์กันเลย ซึ่งสอดคล้องกับความเข้าใจว่าอุตสาหกรรมประเภทต่าง ๆ อาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการกำหนดค่าสอบบัญชีโดยตรง แต่เป็นปัจจัยอื่น ๆ เช่น ขนาดของบริษัท ความซับซ้อนในการดำเนินธุรกิจ หรือข้อกำหนดด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องมากกว่า ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างรายได้รวมกับกลุ่มอุตสาหกรรมเท่ากับ 0.03 ก็ยังแสดงให้เห็นว่ากลุ่มอุตสาหกรรมไม่ใช่ตัวแปรที่มีอิทธิพลอย่างชัดเจนต่อระดับรายได้ของบริษัทโดยรวมในการสำรวจนี้

โดยสรุป ตารางนี้ช่วยให้เราเข้าใจได้ว่า ตัวแปรที่มีความสัมพันธ์ชัดเจนที่สุดคือ รายได้รวมและค่าสอบบัญชี แม้จะอยู่ในระดับต่ำ ส่วนตัวแปรเกี่ยวกับกลุ่มอุตสาหกรรมยังไม่แสดงความสัมพันธ์ที่ชัดเจนกับอีกสองตัวแปร ซึ่งอาจนำไปสู่การศึกษาเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับปัจจัยอื่นที่มีผลต่อค่าสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ในอนาคต

 

2.    สำนักงานสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนไทย ประจำปี 2567

2.1  ภาพรวมของการใช้บริการสำนักงานสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนไทย

จากบริษัทจดทะเบียนไทยที่ทำการสำรวจจำนวน 808 บริษัท พบว่า บริษัทจดทะเบียน จำนวน 524 บริษัท ร้อยละ 65 ใช้บริการผู้สอบบัญชีจากสำนักงานบัญชีกลุ่ม Big four ส่วนบริษัทจดทะเบียนที่เหลือ จำนวน 284 บริษัท ร้อยละ 35 จะใช้บริการผู้สอบบัญชีจากสำนักงานสอบบัญชีอื่น ๆ โดยแบ่งเป็น

·    กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จำนวนทั้งสิ้น 604 บริษัท

-       ร้อยละ 71 (431 บริษัท) ใช้บริการผู้สอบบัญชีจากสำนักงานบัญชีกลุ่ม Big four 

-       ร้อยละ 29 (173 บริษัท) ใช้บริการผู้สอบบัญชีจากสำนักงานสอบบัญชีอื่น 

·    กลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จำนวนทั้งสิ้น 204 บริษัท

-       ร้อยละ 46 (93 บริษัท) ใช้บริการผู้สอบบัญชีจากสำนักงานบัญชีกลุ่ม Big four

-       ร้อยละ 54 (111 บริษัท) ใช้บริการผู้สอบบัญชีจากสำนักงานสอบบัญชีอื่น

 

2.2   การใช้บริการสำนักงานสอบบัญชีของบริษัทจดทะเบียนไทยกลุ่ม SET50 และ SET100

จากการสำรวจ พบว่า มากกว่าร้อยละ 98 ของบริษัทจดทะเบียนไทยในกลุ่ม SET50 ที่ทำการสำรวจ จำนวน 49 บริษัท และบริษัทจดทะเบียนไทยในกลุ่ม SET100 ที่ทำการสำรวจ จำนวน 98 บริษัท ใช้บริการสอบบัญชีจากสำนักงานสอบบัญชีกลุ่ม Big four โดยทั้ง ในกลุ่ม SET50 เลือกใช้บริการบริษัท เคพีเอ็มจี  ภูมิไชย สอบบัญชี จำกัด มากที่สุดคิดเป็น ร้อยละ 45 ส่วนกลุ่ม SET100 เลือกใช้บริการจากบริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด เป็นสำนักงานสอบบัญชีของบริษัทมากที่สุดคิดเป็น ร้อยละ 43

 

2.3 การใช้บริการสำนักงานสอบบัญชีตามกลุ่มธุรกิจ

บริษัทจดทะเบียนไทยในแต่ละกลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่ใช้บริการสอบบัญชีจากสำนักงานสอบบัญชีกลุ่ม Big four โดยเลือกใช้บริการของ บริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด มากที่สุด ยกเว้นบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มทรัพยากรที่ส่วนใหญ่เลือกใช้บริการจากบริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด

ทั้งนี้เมื่อนำสำนักงานสอบบัญชีอื่น  เข้ามาพิจารณาร่วมด้วย จะพบว่า กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค และกลุ่ม MAI เป็น 2 กลุ่มธุรกิจที่มีสัดส่วนการใช้บริการจากสำนักงานสอบบัญชีอื่น สูงกว่าการใช้บริการสำนักงานสอบบัญชีกลุ่ม Big four รวมกัน


 

จากผลการสำรวจข้างต้น แสดงให้เห็นว่า บจ. มากกว่าครึ่งมีการเลือกใช้สำนักงานสอบบัญชีจากบริษัทในกลุ่ม Big Four โดย บริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด เป็นที่นิยมสูงสุด ยกเว้นกลุ่มธุรกิจทรัพยากรที่เลือกใช้บริการ บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์ คูเปอร์ส เอบีเอเอส จำกัด มากที่สุด อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค และบริษัทในตลาด MAI มีสัดส่วนใช้สำนักงานสอบบัญชีอื่นๆ สูงกว่าการใช้บริการกลุ่ม Big Four สะท้อนความหลากหลายของปัจจัยที่ใช้กำหนดค่าสอบบัญชี เช่น ขนาด ความซับซ้อนของธุรกิจ และข้อกำหนดเฉพาะ

 

นางสาวมณี มณีแสง
ผู้ช่วยผู้จัดการ-ด้านพัฒนาการกำกับดูแลกิจการ
สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

 



Articles Previous Next
 
ข้อกำหนดและเงื่อนไข | นโยบายความเป็นส่วนตัว | ผังเว็บไซต์ | Share to
Copyright © 2010 Thai Institute Of Directors. Site by Redlab
Our
Sponsors
EGAT SCBx BBL IVL Kbank BCP CPF GPSC IRPC PTT PTTEP PTTGC PTTOR SCG Singha TISCO TOP
Our
Partners
CAC SET SEC OECD CBNC CG Thailand