Testimonials FAQ Photo Gallery Contact Us Mail to Friend
Home Director Training Seminars & events News Join IOD IOD Members Projects Publications IOD Shop About IOD
5 จุดบอดของ CEO เกี่ยวกับ Talent และสิ่งที่ CHRO สามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้

เมื่อพูดถึงกลยุทธ์และการบริหารจัดการผู้มีศักยภาพสูง (Talent) CEO หลายคนคงคิดว่า พวกเขารู้มากกว่าที่พวกเขาควรรู้ ในบทความนี้เราจะไปเรียนรู้ 5 จุดบอดของ CEO เกี่ยวกับ Talent และสิ่งที่ CHRO สามารถทำได้เพื่อช่วยให้ CEO จัดการกับจุดบอดเหล่านั้น

 

 

สิ่งสุดท้ายที่ CEO ต้องการในธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกระบวนการจัดการผู้มีศักยภาพสูง คือ การหลุดออกจากขั้นตอนกับพนักงานและผู้นำคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ผลงานวิจัยล่าสุดของเราจาก Global Leadership Forecast 2023 เผยให้เห็นว่ากำลังเกิดขึ้นในองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก

ไม่ใช่ว่า CEO ไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องคนของพวกเขา แต่ความกังวลหลักทางธุรกิจทั้งสามประการของพวกเขา ล้วนเกี่ยวข้องกับ Talent ทั้งสิ้น:

1.    การดึงดูดและรักษา Talent

2.    การพัฒนาผู้นำรุ่นถัดไป

3.    การรักษาการมีส่วนร่วมของพนักงาน

 

แม้ว่า CEO จะตระหนักดีว่า การมีคนที่เหมาะสมในการดำเนินการตามกลยุทธ์ทางธุรกิจมีความสำคัญเพียงใด แต่พวกเขาอาจไม่ได้แก้ปัญหาข้อกังวลทั้งสามอันดับแรกนี้อย่างถูกวิธี

 

 

A graph with blue and white textDescription automatically generated

 

เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับวิธีการที่ CEO ใช้จัดการกับข้อกังวลด้าน Talent ที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เหล่านี้ เราได้ศึกษาคำตอบที่ได้รับจาก CEO กว่า 500 คน ควบคู่ไปกับผลลัพธ์ที่ได้จากผู้นำกว่า 13,000 คน และ HR กว่า 1,800 คน ที่เผยแพร่ในผลงานวิจัยของเรา

 

จากข้อมูลทั้งหมด เราพบ Trend สำคัญ ๆ หลายประการเกี่ยวกับจุดบอดของ CEO ที่อาจมีผลต่อกลยุทธ์ด้านการจัดการ Talent และธุรกิจ และนี่ คือ จุดบอด 5 ประการที่มักพบได้ทั่วไป รวมถึงสิ่งที่ CHRO และทีม HR สามารถทำได้ เพื่อช่วยให้ CEO ของพวกเขาวางกลยุทธ์ได้อย่างถูกต้อง

 

1. CEO เห็น Talent ถึงแค่ทีมผู้นำระดับสูงของพวกเขาเท่านั้น

แม้จะกังวลเกี่ยวกับผู้สืบทอดและ Talent ในอนาคต แต่ CEO มักมองไม่เห็นอะไรนอกเหนือกจากทีมผู้นำระดับสูงของพวกเขา สิ่งนี้นำไปสู่จุดบอดที่ใหญ่ที่สุดจุดหนึ่งของพวกเขา คือ ไม่สามารถรับรู้ได้อย่างแท้จริงว่า ผู้นำระดับกลางและระดับต่ำลงไปนั้นกำลังทำอะไรและประสิทธิภาพเป็นอย่างไร

 

CEO อาจมองไม่เห็นความเชื่อมโยง แต่มีความเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้นอย่างไม่น่าเชื่อระหว่างคุณภาพของผู้นำระดับ Frontline และความมั่นใจของ CEO ที่มีต่อความสามารถในการรับมือกับความท้าทายที่สำคัญ ข้อมูลใหม่ที่เราได้จาก DDI’s Global Leadership Forecast แสดงให้เห็นว่า CEO มักจะมีมุมมองเชิงบวกสูงมาก ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในองค์กรและความสามารถในการรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจในอนาคต อย่างไรก็ตาม พวกเขามีความมั่นใจน้อยมากเมื่อไม่รู้สึกว่า ตนเองมีผู้นำระดับ Frontline ที่มีคุณภาพ

 

เห็นได้ชัดว่า พวกเขายังประเมินผู้นำระดับกลาง (Middle Manager) ต่ำเกินไป แม้ว่า CEO มักจะไม่ค่อยให้คะแนนผู้นำระดับกลางว่ามีคุณภาพสูง แต่พวกเขามีบทบาทอันทรงพลังในการสร้างความมั่นคงของ Talent ในองค์กร บริษัทที่มีผู้นำระดับกลางที่มีคุณภาพสูงนั้น สามารถเติมเต็ม 68% ของบทบาทความเป็นผู้นำที่สำคัญ เมื่อเทียบกับบริษัทที่มีผู้นำระดับกลางที่มีคุณภาพพอใช้ สามารถเติมเต็มได้เพียง 46% และในบริษัทที่มีผู้นำระดับกลางที่มีคุณภาพต่ำนั้น สามารถเติมเต็มได้เพียง 28% เท่านั้น

 

บริษัทที่มีผู้นำระดับกลางคุณภาพสูงมีโอกาสได้รับรางวัล "ที่ทำงานที่ดีที่" สูงถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับบริษัทที่มีผู้นำระดับกลางคุณภาพต่ำหรือพอใช้ สิ่งนี้ทำให้ผู้นำระดับนี้มีส่วนสำคัญในการดึงดูดและรักษา Talent ซึ่ง CEO ทราบเป็นอย่างดีว่า มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในอนาคต

 

A graph of a bench with a number of different levelsDescription automatically generated

 

แล้ว CHRO ควรทำอย่างไร? ช่วยให้ CEO ได้ข้อมูลเกี่ยวกับคนของพวกเขา จะทำให้พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในองค์กรได้แม่นยำยิ่งขึ้น

 

แม้ว่า CEOs จะประสบปัญหาในการมองให้ไกลกว่าผู้นำระดับสูง แต่เราเห็นว่า ช่องว่างในการรับรู้ลดลงอย่างมากในหมู่ CEOs ที่กล่าวว่า พวกเขาพึ่งพาข้อมูล Talent ที่จับต้องได้ เช่น การประเมินและการทดสอบ ในการตัดสินใจ เมื่อ CEOs มีข้อมูลเกี่ยวกับ Talent พร้อมแล้ว พวกเขามีแนวโน้มที่จะเข้าใจประสิทธิภาพการทำงานของเหล่าผู้นำได้อย่างแท้จริง อีกทั้ง พวกเขายังมีแนวโน้มที่จะมีผู้นำระดับสูงที่มีคุณภาพสูงกว่า 2.2 เท่า เพื่อช่วยดำเนินการด้าน Talent Strategy อีกด้วย

 

 

2. CEO ไม่รู้ว่าจะนำ AI และเทคโนโลยีใหม่อื่น ๆ มาใช้ได้อย่างไร และไม่รู้วิธีหาคนที่ใช่มาจัดการกับเรื่องนี้

 

หนึ่งในข้อกังวลด้านเทคโนโลยีและโอกาสที่ใหญ่ที่สุดสำหรับอนาคตอันใกล้นี้ ล้วนมีความเกี่ยวข้องกับความก้าวหน้าของ AI ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ CEO ส่วนใหญ่ได้กล่าวเอาไว้ว่า พวกเขาไม่มีความมั่นใจและกำลังประสบปัญหาในการยกระดับความสามารถของตน ในเวลาเดียวกัน และอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่มั่นใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก พวกเขาจึงจัดลำดับความสำคัญให้เรื่องนี้อยู่ในลำดับท้าย ๆ ที่พวกเขากังวลก็เป็นได้

 

 

หลายองค์กรมักจะพึ่งพาพนักงานระดับ Frontline ที่มีความรู้และทักษะด้านเทคโนโลยีในการชี้แนะเรื่องกลยุทธ์ด้าน AI ของพวกเขา ส่วนผลที่ตามมา คือ ความเชื่อมั่นของ CEO ที่มีความผันแปรสูง ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีมุมมองด้านคุณภาพของผู้นำในระดับ Frontline อย่างไร หาก CEO ไม่มีผู้นำที่มีความสามารถรวมอยู่ในนั้นละก็ พวกเขารู้ดีว่า แผนการของพวกเขาสำหรับการใช้ AI จะไม่ถูกดำเนินไปนั่นเอง

 

A graph of a company's company's company's company's company's company's company's company's company's company's company's company'Description automatically generated

 

แล้ว CHRO ควรทำอย่างไร? ให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้นำด้านเทคโนโลยีที่สามารถเป็นเครือข่ายที่แข็งแกร่งและมีความสามารถสูงในการโน้มน้าว พวกเขาไม่ใช่แค่เพียงผู้เชี่ยวชาญในสาขาของตนเองเท่านั้น แต่ต้องสามารถโน้มน้าวใจผู้อื่น รวมถึง CEO ให้ยอมรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างแท้จริง

 

ในกรณีดังกล่าว CEOs ควรพึ่งพาพันธมิตรด้านทรัพยากรบุคคลเพื่อช่วยปรับปรุงทักษะความเป็นผู้นำของผู้จัดการ และพลิกแพลงสถานการณ์เสียใหม่

 

 

3. CEO ประเมินสูงเกินไปว่าพวกเขาทำเรื่องความหลากหลายและการเป็นส่วนหนึ่งของพนักงานได้เป็นอย่างดี

 

ในขณะที่ AI เป็นเรื่องที่ CEO มีความมั่นใจน้อยที่สุด เราพบว่า ความมั่นใจของพวกเขาอยู่ที่เรื่องที่พวกเขาได้ส่งเสริมวัฒนธรรมการเป็นส่วนหนึ่งในระดับสูงที่สุด ความมั่นใจในระดับสูงนี้ทำให้ CEO ขาดการปฏิสัมพันธ์กับพนักงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำของพวกเขาในระดับต้น ซึ่งมีมุมมองที่ชัดเจนกว่าว่า พนักงานรู้สึกอย่างไรกับวัฒนธรรมของพวกเขา มีผู้นำระดับต้นเพียง 24% เท่านั้นที่กล่าวว่า การมีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งของพวกเขา

 

ไม่เพียงแต่ความมั่นใจที่มากเกินไปของ CEO ที่มีต่อสถานะของการมีเป็นส่วนหนึ่งยังดูไม่เป็นไปดั่งที่พนักงานของพวกเขาได้กล่าวไว้ แต่ยังรวมถึงอัตราของผู้มีศักยภาพสูงที่ไม่ได้รับโอกาส ที่พร้อมจะลาออกจากองค์กรอีกด้วย พนักงานผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยมีแนวโน้มที่จะลาออกจากองค์กรมากกว่าพนักงานคนอื่น ๆ นี่เป็นเรื่องจริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้บริหารระดับสูง ที่ผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะบอกว่า มีความจำเป็นต้องลาออกเพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานมากกว่า 1.5 เท่า สิ่งนี้ควรเป็นข้อกังวลลำดับต้น ๆ สำหรับ CEO เพราะจะทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของการสืบทอดตำแหน่งผู้นำนั่นเอง

 

 

แล้ว CHRO ควรทำอย่างไร? ในขณะที่ CHRO จำนวนมากได้ส่งสัญญาณเตือนเกี่ยวกับเรื่อง DEI มาเป็นเวลาเนิ่นนานแล้ว พวกเขาจำเป็นต้องให้การสนับสนุนตัวอย่างทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องกับ CEO ของพวกเขา จากหลักฐานจำนวนมากเกี่ยวกับผลกระทบที่มาจากความหลากหลายที่ส่งผลต่อธุรกิจ เราพบว่า องค์กรที่มีความหลากหลายสูงกว่าค่าเฉลี่ยนั้น มีแนวโน้มที่จะมีประสิทธิภาพทางการเงินดีกว่าคู่แข่งถึง 2.4 เท่าเลยทีเดียว

 

CHRO ยังสามารถส่งเสริมเพิ่มเติมได้ว่า DEI มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดึงดูดและรักษาผู้มีศักยภาพสูง (Talent) ในทุกระดับ โดยการช่วยให้พวกเขาใช้ข้อมูลนี้ และรวบรวม Feedback ภายในองค์กรของตนเองว่าพนักงานรู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับการเป็นส่วนหนึ่ง พวกเขาสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ CEO มีความเข้าใจผิดตามสัญชาตญาณของเขาได้

 

 

4. CEO ให้ความสำคัญเกี่ยวกับการสร้างเป้าหมายและความไว้วางใจไม่มากพอ

 

เป้าหมายเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้พนักงานเกิดการมีส่วนร่วมและรักษาพวกเขาไว้กับองค์กร และมากกว่าหนึ่งในสามของ CEO ได้กล่าวว่าพวกเขาเองก็ประสบปัญหาในการค้นหาเป้าหมายในงานเช่นกัน ตัวเลขเหล่านั้นลดน้อยลงในองค์กร โดยมีพนักงานจำนวนน้อยลงที่รู้สึกถึงการมีเป้าหมายในแต่ละระดับลงไป

 

 

ในขณะเดียวกัน เรายังคงเห็นพนักงานพูดว่า พวกเขาไม่ไว้วางใจผู้นำระดับสูงของพวกเขาเลย มีเพียงหนึ่งในสามเท่านั้นที่กล่าวว่า พวกเขาไว้วางใจผู้นำระดับสูงในการทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถึงกระนั้นความเชื่อมั่นในผู้นำของพวกเขาลดลงไปอย่างมาก โดยมีพนักงานน้อยลงกว่า 20% ที่ให้คะแนนคุณภาพของความเป็นผู้นำในองค์กรของพวกเขาสูง เมื่อเทียบกับผลการสำรวจครั้งล่าสุดของเรา

 

การขาดความไว้วางเชื่อใจนี้เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้นำที่เป็นผู้หญิงและชนกลุ่มน้อยจำนวนมากกล่าวว่า พวกเขาตั้งใจที่จะลาออกจากองค์กร ที่แย่ไปกว่านั้น คือ CEO หลายคนกำลังเดินไปผิดทาง และยิ่งก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความไว้วางใจจากคนของพวกเขาในการขับเคลื่อนในปัจจุบัน ที่จะส่งผลกระทบต่อวัฒนธรรมในองค์กรของพวกเขา ตัวอย่างเช่น CEO หลายคนคิดว่า การพาพนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศจะช่วยสร้างเป้าหมายและความไว้วางใจแต่กลับกลายเป็นให้ผลตรงกันข้าม จากสิ่งที่เราได้เห็นจากการนัดประท้วงหยุดงานและการลาออกของพนักงานเมื่อไม่นานนี้

 

แล้ว CHRO ควรทำอย่างไร? ช่วยให้ CEO เชื่อมต่อกับสิ่งที่ขับเคลื่อนพวกเขาเป็นการส่วนตัว ตลอดจนวิธีที่พวกเขาจะทำเพื่อสื่อสารถึงจุดประสงค์นั้นไปยังองค์กร การสื่อสารสิ่งนี้ควบคู่ไปกับการสร้างความไว้วางใจต่อพนักงานอย่างตั้งใจจะช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมายในการรักษาและสร้างบุคลากรที่ศักยภาพสูงได้ในอนาคต

 

 

5. CEO ไม่คำนึงถึงความสามารถของทีมผู้บริหาร

 

หนึ่งในจุดบอดของ CEO ที่พบได้บ่อยที่สุดและยังคงอยู่ คือ ประสิทธิภาพของทีมผู้บริหาร และยิ่งแย่ลงไปอีกในยุคหลังโควิด

 

A graph of numbers and textDescription automatically generated

 

ในความเป็นจริง กว่า 68% ของ CEO ได้กล่าวไว้ว่า ทีมผู้บริหารของพวกเขาไม่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ไปข้างหน้า เทียบกับ 63% ในปี 2020 ผู้นำระดับถัดลงไปในองค์กรยังมองในแง่ดีน้อยกว่าเสียด้วยซ้ำ 75% ของผู้นำระดับสูงได้กล่าวว่า ทีมผู้บริหารของพวกเขาไม่มีประสิทธิภาพมากนัก ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากตั้งแต่ปี 2020

 

มีหลายปัจจัยที่อาจทำให้ความเชื่อมั่นของทีมผู้บริหารลดน้อยลง ปัจจัยหนึ่งที่น่าจะเป็นไปได้ คือ ความท้าทายในการเป็นผู้นำหลังวิกฤติโรคระบาดเนื่องจากพนักงานรู้สึกเบื่อหน่ายกับความเหนื่อยล้าและความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การลาออกครั้งยิ่งใหญ่ เนื่องจากหลาย ๆ องค์กรต่างประสบปัญหาในการรักษาผู้มีศักยภาพสูงไว้ พวกเขาอาจต้องเลื่อนตำแหน่งให้กับพนักงานบางคนไปสู่บทบาทที่สำคัญก่อนที่พวกเขาจะมีความพร้อม จำใจปล่อยให้บทบาทสำคัญนั้นว่างไว้ หรือรับคนที่ไม่เหมาะสมกับบทบาทสำคัญนั้นเข้ามาแทน

 

แม้จะมีความท้าทายเร่งด่วนที่ทำให้ปัญหานี้รุนแรงขึ้น แต่สาเหตุลึก ๆ ที่ทีมผู้บริหารไม่มีประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยู่กับ CEO ซึ่งบ่อยครั้งที่ CEO มักจะอยู่ท่ามกลางผู้บริหารระดับสูงที่มีความสามารถสูงและเก่งกาจในสายงานของตน อย่างไรก็ตาม CEO หลายท่านไม่ได้คำนึงถึงวิธีการที่ผู้บริหารของพวกเขาจะทำงานร่วมกันเป็นทีม

 

ผลลัพธ์มักจะออกมาเป็นทีมงานที่แต่ละคนมีประสิทธิภาพสูงซึ่งอาจล้มเหลวโดยภาพรวม เนื่องจากพวกเขาประสบปัญหาในการทำงานร่วมกันทั่วทั้งองค์กร

 

แล้ว CHRO ควรทำอย่างไร? ช่วย CEO ให้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงของทีมที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นทั้งกลุ่ม C-suite สิ่งนี้ต้องการทั้งข้อมูลที่มีสามารถวัดได้ และงานที่โฟกัสในการช่วยให้พวกเขาจัดการกับพฤติกรรมและแนวโน้มส่วนบุคคลของทีม ซึ่งจะช่วยให้พวกเขามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในฐานะสมาชิกทีมที่ทำงานร่วมกันได้เป็นอย่างดี


CEOs กำลังพึ่งพา CHROs

 

การที่กลุ่ม Talent เปลี่ยนเข้าออกอย่างต่อเนื่องและความไม่แน่นอนมากมายในตลาด ถูกต้องแล้วที่ CEO จะกังวลเกี่ยวกับความสามารถของพวกเขาในการรับมือกับความท้าทายทางธุรกิจโดยปราศจาก Talent ช่วงเวลาเช่นนี้เองที่ทำให้ CHRO ได้เฉิดฉายในฐานะ Talent Strategist ซึ่งช่วยให้ CEO และธุรกิจบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ ความท้าทาย คือ ความสำเร็จของ CHRO นั้นขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ที่มีต่อ CEO ที่ต้องการเปิดเผยจุดบอดของพวกเขาเกี่ยวกับ Talent แทนที่จะคิดว่า พวกเขามีคำตอบอยู่แล้ว

 

CHRO ที่ใช้ข้อมูลอย่างมีกลยุทธ์ในการโน้มน้าวและช่วยให้เหล่า CEO ของพวกเขาเอาชนะจุดบอดเหล่านั้นได้ จะช่วยนำพาองค์กรของพวกเขาให้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้ชนะในสภาวะเศรษฐกิจที่รออยู่ในอนาคต

 

 

 

หากต้องการดูข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับมุมมองของ CEO ที่มีต่อ Leadership Talent สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จาก CEO Leadership Report 2023

 

ผู้เขียน Stephanie Neal - director of the Center for Analytics and Behavioral Research (CABER)

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ DDI Thailand



Articles Previous Next
 
ข้อกำหนดและเงื่อนไข | นโยบายความเป็นส่วนตัว | ผังเว็บไซต์ | Share to
Copyright © 2010 Thai Institute Of Directors. Site by Redlab
Our
Sponsors
SCBx BBL IVL Kbank BCP CPF GPSC IRPC PTT PTTEP PTTGC PTTOR SCG Singha TISCO TOP
Our
Partners
CAC SET SEC OECD CBNC CG Thailand