Testimonials FAQ Photo Gallery Contact Us Mail to Friend
Home Director Training Seminars & events News Join IOD IOD Members Projects Publications IOD Shop About IOD
โครงสร้างการถือหุ้นแบบปิรามิด (Pyramid Ownership Structure) คืออะไร ?

 โครงสร้างการถือหุ้นแบบปิรามิด (Pyramid Ownership Structure) คืออะไร ?

การถือครองหุ้นของบริษัทจดทะเบียนเป็นสิ่งสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงอำนาจของผู้ถือหุ้นที่มีต่อกิจการของบริษัท โดยผู้ถือหุ้นหลักซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีสิทธิ์ในการควบคุมหุ้นสูงกว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยอื่นๆ มักมีอิทธิพลในการตัดสินใจทางธุรกิจการกำหนดนโยบายต่างๆ ของบริษัท และการเลือกตั้งคณะกรรมการบริษัท ดังนั้น การเข้าใจโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทจดทะเบียน นอกจากจะช่วยในการใช้วิเคราะห์ธุรกิจ และประกอบการตัดสินใจลงทุนแล้ว ยังช่วยให้นักลงทุนเข้าใจถึงพฤติกรรมด้านการกำกับดูแลกิจการและการดำเนินงานของบริษัทได้ดียิ่งขึ้น และสามารถใช้เป็นแนวทางในการปกป้องสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหุ้นในฐานะเจ้าของกิจการในด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีได้อีกด้วย

หากมองในแง่ของการดำเนินธุรกิจ การถือหุ้นในลักษณะปิรามิดถือเป็นการทำให้บริษัทหลักมีความเป็นเจ้าของในบริษัทย่อยมากขึ้น รวมทั้งมีอำนาจในการตัดสินใจและการควบคุมในระดับต่างๆ ของบริษัทย่อยมากขึ้นด้วย การถือหุ้นลักษณะดังกล่าวอาจถือเป็นเรื่องปกติสำหรับบริษัทที่มีโครงสร้างทางธุรกิจที่ซับซ้อน หรือธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการ (Corporate Governance : CG) ที่ดี ซึ่งจะพิจารณาในแง่ของอำนาจในการควบคุมกิจการ (degree of control) ของกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่เป็นหลัก จะมองว่าโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทที่มีความซับซ้อน อาจส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนทั่วไป เช่น ผู้ถือหุ้นรายย่อย หรือนักลงทุนสถาบัน ยากที่จะเข้าไปท้าทายกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างของคณะกรรมการผ่านกลไกของตลาดทุนได้ 

จากตัวอย่างทางซ้ายมือ คือ กรณีการถือหุ้นแบบปิรามิด โดยสายของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ (Controlling Shareholder) ซึ่งในกรณีนี้คือ Family สามารถทำการควบคุม (degree of control) บริษัท A โดยตรง หรือ control ทางอ้อมผ่านบริษัท B ก็ได้ ดังนั้น หากผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท A ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง CG ของบริษัท โดยเปลี่ยนโครงสร้างคณะกรรมการ กลุ่มของผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) เพื่อหารือเรื่องการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง ซึ่งจะทำได้ยากในการระดมคะแนนเสียงผ่านตลาดหุ้นให้เพียงพอที่จะจัดการประชุม EGM เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการกำกับดูแลกิจการของบริษัทได้ โดยกลุ่มของผู้ถือหุ้นรายใหญ่อาจใช้โครงสร้างการถือหุ้นแบบนี้เพื่อที่จะ control กิจการที่อยู่ในกลุ่มธุรกิจของตนเอง หรือในกรณีนี้กลุ่ม Family สามารถใช้อำนาจในการควบคุมกิจการผ่านการออกเสียง (Voting Rights) ได้ ซึ่งผู้ถือหุ้นที่มีการถือหุ้นทางอ้อมในลักษณะนี้ จะสามารถออกเสียงในที่ประชุมได้มากกว่าผู้ถือหุ้นรายอื่น และสามารถใช้อำนาจในการเข้าควบคุมกิจการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเอง การถือหุ้นในลักษณะปิรามิดจึงอาจมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดการควบคุมบริหารกิจการที่ไม่สอดคล้องกับหลักธรรมาภิบาลที่ดีได้

จากผลการสำรวจตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียน (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies : CGR) และการประเมิน CG ในระดับอาเซียนตามเกณฑ์ ASEAN Corporate Governance Scorecard (ACGS) จากฝ่ายวิจัยและพัฒนา สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD)  ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา พบว่า แม้จะมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนไทยน้อยกว่า 20% ที่มีโครงสร้างการถือหุ้นแบบปิรามิด แต่ในแง่การส่งเสริมการกำกับดูแลที่ดีอย่างยั่งยืนนั้น แนวทาง CG ทั้งในระดับประเทศและสากลต่างสนับสนุนและให้ความสำคัญกับเรื่องการให้สิทธิต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน และโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทที่มีกลไกในการป้องกันการครอบงำกิจการ (takeover defense) เช่นเดียวกับที่ได้อ้างอิงไว้ในกรอบการกำกับดูแลกิจการของ OECD (G20/OECD Principles of Corporate Governance (2023)) โดย OECD มองว่าบริษัทที่มีโครงสร้างการถือหุ้นแบบปิรามิด รวมไปถึงโครงสร้างการถือหุ้นแบบไขว้ จะทำให้ผู้ถือหุ้นสามารถใช้สิทธิควบคุมบริษัท (control or voting rights) ที่ไม่สัมพันธ์กับส่วนของความเป็นเจ้าของกิจการที่มีในบริษัท (ownership or cash flow rights) ได้ โดยในส่วนของการประเมิน CGR จะพิจารณาให้คะแนน Poor สำหรับบริษัทที่มีโครงสร้างแบบปิรามิด ในขณะที่การประเมิน ACGS จะมีความเข้มข้นกว่าโดยการหักคะแนนในรูปแบบ Penalty

โดยสรุป การมีโครงสร้างผู้ถือหุ้นตามแนวทางที่ส่งเสริมการกำกับดูแลกิจการที่ดี จะมีหุ้นสามัญที่มีสิทธิออกเสียงแบบone-share-one-vote และมีความเป็นเจ้าของที่สมดุลที่สิทธิในการควบคุมบริษัท (voting rights) มีความสัมพันธ์กับส่วนของความเป็นเจ้าของกิจการ (cash flow rights) ไม่มีการควบคุมที่มากเกินไปโดยบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง การกำหนดนโยบายและกรอบการดำเนินงานที่มีความโปร่งใส ชัดเจน สิ่งเหล่านี้ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้บริษัทมีโครงสร้างที่แข็งแกร่ง และช่วยลดความขัดแย้งในการบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

อรกานต์ จึงธีรพานิช
Assistant Manager – R&D Management and Advocacy
สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (Thai IOD)



Articles Previous Next
 
ข้อกำหนดและเงื่อนไข | นโยบายความเป็นส่วนตัว | ผังเว็บไซต์ | Share to
Copyright © 2010 Thai Institute Of Directors. Site by Redlab
Our
Sponsors
SCBx BBL IVL Kbank BCP CPF GPSC IRPC PTT PTTEP PTTGC PTTOR SCG Singha TISCO TOP
Our
Partners
CAC SET SEC OECD CBNC CG Thailand