Testimonials FAQ Photo Gallery Contact Us Mail to Friend
Home Director Training Seminars & events News Join IOD IOD Members Projects Publications IOD Shop About IOD
CPI ในมุมมองของภาคเอกชนลดลงทุกมิติ



เป็นเวลา 30 ปี ที่องค์กรเพื่อความโปร่งใสนานาชาติ (Transparency International หรือ TI) ทำการสำรวจดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perceptions Index หรือ CPI) ในปี 2567 TI ได้ดำเนินการสำรวจประเทศต่างๆ จำนวน 180 ประเทศทั่วโลก และประเทศไทยถูกจัดอยู่อันดับที่ 107 โดยมีคะแนน 34 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน อันดับของประเทศไทยเพิ่มขึ้น 1 อันดับจากปีที่ผ่านมาแต่คะแนนกลับลดลงจากเดิม 1 คะแนน อย่างไรก็ตามหากเปรียบเทียบกับสถิติผลการสำรวจย้อนหลังในอดีตตลอด 30 ปี พบว่าอันดับของประเทศไทยลดลงอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ระดับคะแนนเฉลี่ยคงที่อยู่ที่ 36 คะแนนมาโดยตลอด คำถามสำคัญคือทำไมประเทศไทยถึงไม่สามารถขยับอันดับและเพิ่มระดับคะแนนให้สูงขึ้น ทั้งที่ภาครัฐมีการสนับสนุนทรัพยาการงบประมาณ ทรัพยากรบุคคล ในการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันรวมถึงมีการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง



หากตอบคำถามจากชื่อโครงการสำรวจ “ดัชนีการรับรู้การทุจริต” อาจหมายถึงการรับรู้การทุจริตของผู้ถูกสำรวจยังคงเหมือนเดิมและระดับคะแนน 34 คะแนนจาก 100 คะแนน ซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน้อยแสดงให้เห็นว่าการรับรู้ว่าการทุจริตในประเทศไทยยังคงมีอยู่มาก หากตอบโดยพิจารณาจากวิธีการสำรวจการจัดอันดับและการให้คะแนนของ TI ที่อาศัยแหล่งข้อมูลจาก 9 แหล่งข้อมูลหลัก ซึ่งมีการสำรวจกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ ประชาชน เจ้าหน้าที่รัฐ นักลงทุน นักวิชาการ ฯลฯ ได้แก่

1. IMD World Competitiveness Center World Competitiveness Yearbook Executive Opinion Survey
ประเด็นการสำรวจ: การให้สินบนและการทุจริตคอร์รัปชันยังคงมีอยู่หรือไม่

2. World Economic Forum Executive Opinion Survey: WEF
ประเด็นการสำรวจ: ระดับการจ่ายเงินสินบนเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก การเข้าถึงสาธารณูปโภคการประเมินภาษีประจำปี การได้รับสัมปทาน การแทรกแซงกระบวนการ ยุติธรรม และการนำเงินงบประมาณภาครัฐ ไปให้กับบริษัทบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดๆ เพื่อการคอร์รัปชัน

3. Political and Economic Risk Consultancy Asian Intelligence: PERC
ประเด็นการสำรวจ: คุณให้คะแนนการคอร์รัปชันในประเทศที่คุณ อาศัย/ทำงานอยู่เท่าใด

4. World Justice Project Rule of Law Index Expert Survey: WJP
ประเด็นการสำรวจ: การใช้อำนาจรัฐเพื่อผลประโยชน์ส่วนตนของ ข้าราชการเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ ฝ่ายทหาร และตำรวจ

5. Global Insight Country Risk Ratings: GI
ประเด็นการสำรวจ: ความเสี่ยงด้านทางธุรกิจ การติดสินบนเจ้าหน้าที่ และการออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจบางธุรกิจ

6. The PRS Group International Country Risk Guide: PRS
ประเด็นการสำรวจ: การให้สินบนแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับ การนำเข้าส่งออก การประเมินภาษี การได้รับความคุ้มครองจากตำรวจ

7. Economist Intelligence Unit Country Risk Service: EIU
ประเด็นการสำรวจ: การตรวจสอบการใช้งบประมาณ การใช้อำนาจ แต่งตั้งเจ้าหน้าที่รัฐและความเป็นอิสระของ องค์กรตรวจสอบ

8. Varieties of Democracy (V-Dem): V-DEM
ประเด็นการสำรวจ: การทุจริตในภาคการเมืองมีการแพร่ขยายตัวอย่างไร

9. Bertelsmann Stiftung Transformation Index: BF (TI)
ประเด็นการสำรวจ: การใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อประโยชน์มิชอบและประสิทธิภาพของรัฐบาลในการควบคุมปัญหาการทุจริต

จาก 9 แหล่งข้อมูลข้างต้นแม้ว่าทุกท่านยังไม่ทราบระดับคะแนนที่แท้จริงจากแต่ละแหล่งข้อมูล ก็พอคาดเดาได้แล้วว่าระดับคะแนนน่าจะอยู่ประมาณใด เพราะในแต่ละประเด็นการสำรวจพวกเราในฐานะประชาชนคนไทยสามารถพบเห็น รับรู้ประเด็นต่างๆ ได้มาโดยตลอด จึงไม่น่าแปลกใจกับผลคะแนน CPI ของประเทศไทยในปีนี้ และน่าจะคาดเดาไม่ยากสำหรับผลคะแนนในปีต่อๆ ไป หลังจากนี้ 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี หากภาครัฐยังดำเนินการแก้ไขปัญหาในรูปแบบเดิมๆ และไม่มีแผนการแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรม ภาคเอกชนยังไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง และภาคประชาสังคม ภาคประชาชนที่นับวันยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อยๆ เพราะขาดการสนับสนุนและการปกป้อง ระดับผลคะแนนคงไม่เปลี่ยนแปลง

ในส่วนของภาคเอกชนผลการประเมินการรับรู้การทุจริต 3 จาก 9 แหล่งข้อมูลหลัก ในปี 2567 พบว่ามีระดับคะแนนปรับตัวลดลงในทุกมิติ ได้แก่
1. แหล่งข้อมูล IMD World Competitiveness Yearbook (IMD) ได้ 36 คะแนน (ปี 2566 ได้ 43 คะแนน)
2. แหล่งข้อมูล World Economic Forum (WEF) ได้ 34 คะแนน (ปี 2566 ได้ 36 คะแนน)
3. แหล่งข้อมูล Global Insight Country Risk Ratings (GI) ได้ 32 คะแนน (ปี 2566 ได้ 35 คะแนน)

ซึ่งถ้าแปลความหมายอย่างตรงไปตรงมาจาก 3 แหล่งข้อมูลนี้ หมายความว่าภาคธุรกิจในประเทศไทยยังต้องมีการให้สินบนและมีการทุจริตคอร์รัปชัน มีการจ่ายเงินสินบนเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก การเข้าถึงสาธารณูปโภค การประเมินภาษีประจำปี การได้รับสัมปทาน มีการแทรกแซงกระบวนการ ยุติธรรมและการนำเงินงบประมาณภาครัฐไปให้กับบริษัทบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดๆ เพื่อการคอร์รัปชัน รวมถึงมีความเสี่ยงในการดำนินธุรกิจ การติดสินบนเจ้าหน้าที่และมีการออกนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจบางธุรกิจ สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของไทยในปัจจุบันและที่ผ่านมา ถึงตรงนี้คงตอบปัญหาได้ว่าอะไรเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยถึงยังไม่สามารถพัฒนาไปข้างหน้าได้เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค เพราะหากพิจารณาจากระดับคะแนนผล CPI ในปี 2567 พบว่าประเทศไทยตกไปอยู่อันดับที่ 5 ของอาเซียน ตามหลังประเทศสิงค์โปร์ ประเทศมาเลเซีย ประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซีย และมีประเทศที่ได้คะแนนใกล้เคียงกับประเทศไทยอีก 2 ประเทศ คือ ประเทศลาวและประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งหากประเทศไทยไม่เร่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม อันดับ CPI ของประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะรั้งท้ายในกลุ่มประเทศอาเซียน

“แล้วพวกเรายังมีความหวังกับประเทศไทยในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชันต่อไปหรือไม่?” คำตอบคือแน่นอนครับ แต่การแก้ไขไม่ใช่เรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งหรือบุคคลเพียงไม่กี่กลุ่มจะสามารถแก้ไขได้ตามลำพัง ไม่ใช่เรื่องที่จะมีอัศวินม้าขาวมาเป็นผู้นำและพาทุกคนออกจากสถานการณ์นี้ หากแต่ทุกคนในประเทศต้องร่วมกันแก้ไขปัญหา ที่สำคัญต้องมีความตั้งใจและต้องสละเวลาที่จะแก้ไขไปด้วยกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคมและประชาชนทุกคนในประเทศ โดย
ภาครัฐควรกำหนดแผนยุทธศาสตร์ต่อต้านการคอร์รัปชันที่เป็นรูปธรรมเน้นผลลัพธ์ไม่เน้นพิธีกรรม ปรับปรุงกฎหมายให้มีความเป็นปัจจุบัน มีบทลงโทษที่เหมาะสมกับการกระทำผิดและมีความรัดกุม มีกลไกตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการลงโทษทั้งในส่วนของผู้ให้และผู้รับสินบนร่วมกัน เปิดเผยข้อมูลสำคัญให้เกิดความโปร่งใสต่อสาธารณะ เช่น ข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ รวมถึงมีการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานของภาครัฐให้เกิดการอำนวยความสะดวกต่อภาคธุรกิจและประชาชนอย่างโปร่งใส มีประสิทธิภาพและเท่าเทียมกัน

ภาคเอกชนควรมีการออกนโยบายต่อต้านการคอร์รัปชันภายในองค์กรที่ครอบคลุมประเด็นที่มีความเสี่ยง เช่น การให้/การรับของขวัญ การจ้างบริษัทในห่วงโซ่ การให้ความรู้แก่บุคลากรในองค์กร การสร้างกลไกการแจ้งเบาะแส การร้องเรียนการกระทำผิดที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงมีการกำกับดูแล ตรวจสอบองค์กรของตนอย่างสม่ำเสมอ
ภาคประชาสังคมและภาคประชาชน ช่วยทำหน้าที่สอดส่องดูแลการทำงานของภาครัฐและภาคเอกชน เรียกร้องให้ภาครัฐแสดงความรับผิดรับชอบในประเด็นที่มีความสำคัญและกระทบต่อสังคมวงกว้าง ที่สำคัญต้องเป็นกำลังหลักในการแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อพบเห็นการคอร์รัปชัน

เมื่อทั้งสามภาคส่วนเริ่มขยับตัวและร่วมมือกันอย่างจริงจังมากขึ้น ประเทศไทยจะค่อยๆ เปลี่ยนแปลง พฤติกรรม วัฒนธรรมที่เคยเป็นมาในอดีตจะเปลี่ยนไป แม้ว่าการทุจริตคอร์รัปชันจะไม่หมดไปจากประเทศไทย แต่จะค่อยๆ ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หากคนในประเทศรับรู้ได้ว่าสถานการณ์การทุจริตคอร์รัปชันของประเทศดีขึ้น ไม่มีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ชาวต่างชาติทราบว่าประเทศไทยดีขึ้น เพราะนักลงทุนต่างชาติจะสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยตนเอง ซึ่งนั่นเป็นวิธีการสร้างการรับรู้การทุจริตที่ดีที่สุด
 



พรหเมศร์ เบ็ญจรงค์กิจ
ผู้อำนวยการแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย (ThaiCAC)

#ThaiCAC
#DoGoodDoRightFightCorruption
#BoardroomVoiceForChange

 



Articles Previous Next
 
ข้อกำหนดและเงื่อนไข | นโยบายความเป็นส่วนตัว | ผังเว็บไซต์ | Share to
Copyright © 2010 Thai Institute Of Directors. Site by Redlab
Our
Sponsors
EGAT SCBx BBL IVL Kbank BCP CPF GPSC IRPC PTT PTTEP PTTGC PTTOR SCG Singha TISCO TOP
Our
Partners
CAC SET SEC OECD CBNC CG Thailand