ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประโยชน์ ความเสี่ยง และการรับมือเชิงกลยุทธ์สำหรับคณะกรรมการบริษัท

เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) ไม่ใช่เทคโนโลยีเกิดใหม่อีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่กำลังเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ขององค์กร กระบวนการภายใน และบทบาทของคณะกรรมการบริษัทโดยตรง การที่คณะกรรมการสามารถเข้าใจและบริหารจัดการ AI อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นภารกิจสำคัญในยุคปัจจุบัน จากรายงาน AI Readiness Measurement 2024 ที่จัดทำโดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ) (ETDA) ระบุว่า ในปี 2567 องค์กรในประเทศไทยมีการใช้งาน AI สูงถึง 73.3% โดยเพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากปี 2566 และผลสำรวจล่าสุดของ Gartner, Inc. จากผู้บริหารมากกว่า 1,800 คนที่เข้าร่วมการสัมมนาผ่านเว็บของ Gartner ในเดือนมิถุนายน 2567 พบว่า องค์กรกว่า 55% มี AI Board จากข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความสนใจขององค์กรทั่วโลกในการนำ AI มาใช้ในการดำเนินงานอย่างเป็นรูปธรรม
ตามที่ The International Organisation for Standardization and the International Electrotechnical Commission ISO/IEC 22989 ให้คำจำกัดความคำว่า AI หรือ Artificial Intelligence ไว้ว่า คือ ระบบที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยสร้างผลลัพธ์ต่าง ๆ เช่น ข้อความ การคาดการณ์ คำแนะนำ หรือการตัดสินใจ โดยทำตามเป้าหมายที่มนุษย์กำหนดไว้
Ø บทบาทของ AI ในการสนับสนุนการทำหน้าที่ของคณะกรรมการ สามารถสรุปได้ดังนี้
1. การกำหนดกลยุทธ์และการตัดสินใจ
การเก็บรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นระบบจะช่วยสร้างฐานข้อมูลที่มีคุณค่าให้กับบริษัท ซึ่ง AI สามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์เชิงลึกเพื่อสนับสนุนคณะกรรมการในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ อีกทั้งยังช่วยคาดการณ์แนวโน้มทางการเงินและธุรกิจจากข้อมูลย้อนหลัง เพื่อนำไปใช้วางแผนกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทันเวลามากขึ้น
2. การกำกับดูแลทุนมนุษย์
คณะกรรมการสามารถใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลด้านทรัพยากรบุคคล เช่น ความหลากหลายของพนักงาน การพัฒนาทักษะ และการวางแผนกำลังคนในระยะยาว เป็นต้น แม้ AI จะไม่สามารถทดแทนการทำงานของมนุษย์ได้ทั้งหมด แต่สามารถช่วยยกระดับการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น การลงทุนพัฒนาทักษะบุคลากรให้เข้าใจและทำงานร่วมกับ AI จึงเป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ในระยะยาวที่สำคัญ การส่งเสริมให้พนักงาน Upskill และ Reskill จะช่วยให้ทำงานเชิงสร้างสรรค์ได้มากขึ้น ลดภาระงานประจำที่เป็นงาน “รูทีน” ไปสู่การทำงานผ่านระบบอัตโนมัติ และเปิดโอกาสให้พนักงานใช้เวลาไปพัฒนาทักษะใหม่ที่จำเป็นต่อองค์กร สำหรับคณะกรรมการ การลดภาระจากงานด้านการจัดการข้อมูลพื้นฐานจะทำให้มีเวลามากขึ้นในการมุ่งเน้นการกำหนดกลยุทธ์ วางแผนระยะยาว กำกับดูแล และผลักดันนวัตกรรมเพื่อสร้างคุณค่าให้แก่องค์กร
3. การติดตามกฎหมายและบริหารความเสี่ยง
AI มีความสามารถในการติดตามความเปลี่ยนแปลงของกฎหมาย ข้อบังคับ และข้อกำหนดใหม่ ๆ แบบเรียลไทม์ ช่วยให้คณะกรรมการมั่นใจว่าองค์กรยังคงปฏิบัติตามกรอบกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ AI ยังสามารถวิเคราะห์และตรวจจับความเสี่ยงต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น ทั้งความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง ความผิดปกติของกระบวนการภายใน การโจมตีทางไซเบอร์ และภัยคุกคามด้านความมั่นคงปลอดภัยข้อมูล ทำให้คณะกรรมการสามารถกำกับดูแลและตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในการบริหารความเสี่ยงได้อย่างใกล้ชิด ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อธุรกิจ และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกองค์กร
4. การกำกับดูแลและเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การใช้ AI สามารถช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่อองค์กร เช่น ผู้ถือหุ้น นักลงทุน ลูกค้า คู่ค้า หรือชุมชนรอบข้าง ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เช่น ความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าต่อสินค้าและบริการ แนวโน้มความคาดหวังด้านความยั่งยืน หรือประเด็น ESG ที่ผู้ลงทุนให้ความสำคัญ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คณะกรรมการสามารถรับรู้มุมมองและความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้อย่างรอบด้าน นำไปสู่การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่โปร่งใส และตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริง นอกจากนี้ การมีข้อมูลที่ชัดเจนยังช่วยให้คณะกรรมการสามารถกำกับดูแลด้าน ESG ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สิ่งที่คณะกรรมการควรตระหนักเกี่ยวกับ AI
แม้ AI จะเป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง แต่ก็มาพร้อมความท้าทายหลายประการที่คณะกรรมการต้องรับรู้และบริหารจัดการอย่างรอบคอบ คณะกรรมการต้องประเมินว่า การนำ AI มาใช้สอดคล้องกับเป้าหมายระยะยาวขององค์กรหรือไม่ พร้อมพิจารณาความคุ้มค่าของการลงทุนในแต่ละเทคโนโลยี เนื่องจากบางเทคโนโลยีอาจมีประโยชน์เพียงระยะสั้นและไม่เหมาะกับธุรกิจทุกประเภท การนำ AI มาใช้โดยไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์องค์กรอาจนำไปสู่การลงทุนที่สูญเปล่าได้
นอกจากนี้ บริษัทต้องเข้าใจข้อมูลที่จะให้ AI วิเคราะห์อย่างชัดเจน เพราะผลลัพธ์ของ AI ขึ้นอยู่กับคุณภาพและความถูกต้องของข้อมูล (garbage in, garbage out) คณะกรรมการจึงควรตระหนักถึงความเสี่ยง เช่น การปนเปื้อนข้อมูล (data poisoning) การบิดเบือนข้อมูล และการใช้ AI สร้างข้อมูลผิดพลาด เป็นต้น และเมื่อองค์กรก้าวสู่ Digital Transformation และใช้ AI มากขึ้น ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลอ่อนไหวจะถูกจัดเก็บและประมวลผลบนอินเทอร์เน็ตมากขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงความเสี่ยงด้านการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูล เช่น GDPR* และ PDPA** เป็นต้น หากคณะกรรมการมีการละเลยในประเด็นเหล่านี้ อาจนำไปสู่ความรับผิดทางกฎหมายได้ ดังนั้นการใช้งาน AI ควรทำภายใต้จริยธรรมและความรับผิดชอบ (Ethical AI & Responsible AI) โดยในปี 2567 สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) ได้ออกแนวทางกำกับดูแลและคู่มือการใช้งาน AI อย่างมีธรรมาภิบาล เพื่อเป็นกรอบแนวทางให้องค์กรนำ AI ไปประยุกต์ใช้ได้อย่างโปร่งใส มีความรับผิดชอบ และสอดคล้องตามหลักธรรมาภิบาล
* GDPR: General Data Protection Regulation 2016 หรือกฎระเบียบว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นกฎหมายของสหภาพยุโรป (EU)
** PDPA: Personal Data Protection Act หรือพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เป็นกฎหมายของไทย
Ø ข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์สำหรับคณะกรรมการ
1. เร่งสร้างความรู้และทักษะด้าน AI ให้กับกรรมการ ควรบรรจุเนื้อหาเรื่อง AI ไว้ในการปฐมนิเทศกรรมการใหม่ และส่งเสริมการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ทุกฝ่ายมีความรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง
2. กำหนดกรอบการกำกับดูแล AI ควรกำหนดบทบาทของกรรมการด้านการกำกับดูแล AI อย่างชัดเจน โดยคณะกรรมการ AI ควรมีสมาชิกจากหลายสาขาและหน่วยธุรกิจ เพื่อให้ครอบคลุมมุมมองรอบด้าน ทั้งนี้ไม่ควรมีขนาดใหญ่จนลดทอนประสิทธิภาพในการทำงาน และต้องกำหนดบทบาทหน้าที่และอำนาจการตัดสินใจอย่างชัดเจน จากผลสำรวจของ Gartner (มิถุนายน 2567) พบว่า ประเด็นสำคัญที่คณะกรรมการ AI ควรให้ความสำคัญ ได้แก่ การกำกับดูแล (26%) และกลยุทธ์ (21%) หากมีความจำเป็น อาจพิจารณาจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะด้าน AI Governance และประสานงานกับฝ่ายตรวจสอบภายในอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีระบบติดตาม ตรวจสอบ ประเมินผล และรายงานความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ
3. สร้างวัฒนธรรมด้านข้อมูลและความปลอดภัย ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการจัดการข้อมูล การใช้ข้อมูลอย่างมีธรรมาภิบาล (Data Governance) และความตระหนักด้านความปลอดภัยของข้อมูล (Data Privacy & Security) ในทุกระดับชั้นขององค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวคิดเรื่อง "Resilience" ในการรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์ นอกจากนี้ควรกำกับดูแลให้มีการเปิดเผยการใช้ AI อย่างชัดเจน สื่อสารอย่างโปร่งใสกับผู้มีส่วนได้เสียในรายงานประจำปีและการรายงาน ESG
AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือด้านเทคโนโลยีอีกต่อไป แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่สามารถเสริมศักยภาพของคณะกรรมการได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งในด้านการตัดสินใจ ความโปร่งใส และความสามารถในการคาดการณ์อนาคต คณะกรรมการบริษัทที่ปรับตัวทันและดำเนินการอย่างรอบคอบต่อการเปลี่ยนแปลงของ AI จะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน เสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้เสีย และการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว
ข้อมูลอ้างอิง:
• A Director’s Introduction to AI, The Australian Institute of Company Directors, 2024.
• The Director’s Guide to AI Governance, The Australian Institute of Company Directors, 2024.
• ASEAN Guide on AI Governance and Ethics, Association of Southeast Asian Nations (ASEAN), 2024.
• AI in the Boardroom, The Institute of Internal Auditors, 2025.
• แนวทางการประยุกต์ใช้ Generative AI อย่างมีธรรมาภิบาลสำหรับองค์กร (Generative AI Governance Guideline for Organizations), สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA), 2567
นางสาวอรกานต์ จึงธีรพานิช
Assistant Manager – R&D Management
สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย
|